Be Inspired
5 วิธีคลายเครียดง่าย ๆ ด้วยวิถีออร์แกนิคที่ดีต่อสุขภาพ
Mar 30,2021
คุณอาจไม่ทันรู้สึกตัวว่า ความเครียดกำลังขโมยความสุขของคุณอยู่หรือเปล่า ? ชีวิตที่ต้องรับมือกับความกดดันทั้งการเรียน การงาน การเงิน และครอบครัว ส่งผลให้หลายคนนอนไม่หลับหรือนอนมากเกินไป วิตกกังวล หงุดหงิดง่าย อ่อนเพลีย ไม่มีสมาธิ เบื่ออาหารหรือกินเก่งขึ้น หากคุณมีภาวะเหล่านี้มากกว่าหนึ่งข้อ นั่นอาจเป็นสัญญาณที่ร่างกายและจิตใจสะสมความเครียดจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
ในทางการแพทย์ ‘ความเครียด’ ทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็งและตึงตัว เมื่อเราสะสมความเครียดมาก ๆ จึงมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและนอนหลับไม่สนิท อย่างไรก็ดีความเครียดมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ได้แก่ ‘ความเครียดเชิงบวก’ (Eustress) เป็นความเครียดที่ทำให้ร่างกายตื่นตัวและโฟกัสสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ‘ความเครียดเชิงลบ’ (Distress) เป็นความเครียดหรือวิตกกังวลมากไป ทำให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานผิดปกติ ส่วนคนที่มีภาวะเครียดสะสมเรื้อรังเรียกว่า ‘Chronic Stress’ เป็นภาวะที่ค่อนข้างน่ากังวลอยู่ไม่น้อย เพราะกว่าจะรู้ตัวอีกทีร่างกายและจิตใจก็สะสมความเครียดจนเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงในที่สุด
‘ความเครียด’ ภัยเงียบที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ตัว
ความเครียดเป็นปฏิกิริยาที่ร่างกายตอบสนองต่อสถานการณ์ที่ตื่นเต้นและอันตราย เมื่อเรารู้สึกว่าถูกคุกคามทางร่างกายหรือจิตใจ ร่างกายจะสร้างปฏิกิริยาทางเคมีขึ้นมาเพื่อเป็นกลไกปกป้องตัวเอง ภาวะนี้เรียกว่า ‘สู้หรือหนี’ ซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่ร่างกายของคนเราตอบสนองต่อความเครียดโดยอัตโนมัติ
เมื่อคุณกำลังเครียด หัวใจจะเต้นเร็ว หายใจเร็วและหายใจตื้น กล้ามเนื้อตึงตัว และความดันโลหิตจะสูงขึ้น ทว่าธรรมชาติของร่างกายคนเราจะรับมือกับความเครียดได้เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ซึ่งอาการของแต่ละคนอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับมุมมองและวิธีที่เราจัดการกับความเครียด เช่น ปัญหาใหญ่สำหรับคุณอาจเป็นเรื่องเล็ก สำหรับอีกคนก็เป็นได้ โดยผู้เชี่ยวชาญ ฯ ได้ทำการแบ่งลักษณะของความเครียดออกเป็น 4 กลุ่มอาการ ดังนี้
• Mind Stress (ความเครียดต่ำ) รู้สึกเบื่อหน่าย การตอบสนองช้าลง ขาดแรงบันดาลใจ
• Moderate Stress (ความเครียดปานกลาง) รู้สึกวิตกกังวลหรือกลัว สามารถคลายเครียดได้ด้วยตัวเอง
• High Stress (ความเครียดสูง) ผู้ที่มีความเครียดสูงมักจะมีความผิดปกติทางอารมณ์ ความคิด และพฤติกรรม เช่น ฉุนเฉียวง่าย ปวดศีรษะ ปวดท้อง นอนไม่หลับ เบื่ออาหารหรือกินมากเกินไป
• Severe Stress (ความเครียดรุนแรง) อารมณ์แปรปรวนง่าย มีภาวะทางจิต ความผิดปกติหรือบกพร่องในการดำเนินชีวิตประจำวัน อาจมีอาการสะสมนานเป็นเดือนหรือเป็นปี หากเข้าข่ายภาวะเครียดรุนแรง แนะนำให้รีบปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางรับมือต่อไป
นอกจากนี้ คนที่เครียดเรื้อรังยังทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายต่าง ๆ เช่น โรคทางเดินอาหาร ไมเกรน ซึมเศร้า ปวดหลัง ความดันโลหิตสูง ภูมิแพ้ หลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ โรคหอบหืด โรคมะเร็ง เป็นต้น
10 สัญญาณความเครียด ที่ร่างกายกำลังบอกคุณ!
ความเครียดส่งผลกระทบต่อทุกด้านของชีวิต ตั้งแต่อารมณ์ พฤติกรรม ความสามารถในการคิด จนถึงสุขภาพ น่าเศร้าตรงที่ไม่มีอวัยวะส่วนใดของร่างกายที่มีภูมิคุ้มกันความเครียดได้เลย อีกทั้งการตอบสนองต่อความเครียดของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป และบางคนอาจไม่แสดงอาการชัดเจนเหมือนคนอื่น ๆ กว่าจะรู้ตัวอีกทีคุณก็เครียดสะสมจนล้มป่วยด้วยโรคต่าง ๆ (ซึ่งบางคนก็อาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่า โรคนั้นมีที่มาจากความเครียดเรื้อรัง) เรามีวิธีสังเกตตัวเองผ่าน 10 สัญญาณความเครียดที่ร่างกายกำลังบอกคุณมาฝากค่ะ
• วิตกกังวล หลงลืม กระสับกระส่าย ไม่มีสมาธิ หงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน
• รู้สึกไม่ดีกับตัวเอง ความนับถือตนเองต่ำ (Low Self-esteem) โดดเดี่ยว หดหู่ และรู้สึกไร้ค่า
• ไม่ชอบเข้าสังคม พฤติกรรมต่อต้านสังคม มองโลกในแง่ลบ
• ผลัดวันประกันพรุ่ง การตัดสินใจไม่ค่อยดี กัดเล็บ กระวนกระวายใจ
• ปวดหัว ปวดท้อง ปวดเมื่อย กล้ามเนื้อตึง ท้องผูกหรือท้องเสีย คลื่นไส้
• นอนไม่หลับ หรือหลับไม่สนิท นอนน้อยหรือนอนมากเกินไป
• เจ็บหน้าอก หัวใจเต้นเร็ว มือเท้าเย็นและมีเหงื่อซึม
• เป็นหวัดง่าย เจ็บป่วยด้วยโรคติดเชื้อต่าง ๆ บ่อยครั้ง
• ความต้องการทางเพศลดลง เบื่ออาหาร หรือรับประทานมากเกินไป
• ดื่มแอลกอฮอล์หนัก สูบบหรี่จัด
5 วิธีรับมือกับความเครียดง่าย ๆ ด้วยตัวเอง
แทนที่จะพึ่งยาคลายเครียดหรือยานอนหลับ เราชวนคุณมาปรับสมดุลร่างกาย อารมณ์ และจิตใจให้ผ่อนคลายด้วยวิถีธรรมชาติ หลอมรวมเข้ากับศาสตร์อโรม่าเธอราปีสุดหรูจากประเทศอังกฤษ ช่วยให้คุณรับมือกับความเครียดได้อย่างลงตัว พร้อมคืนความสุขให้คุณรับมือกับเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้อย่างเพอร์เฟ็กต์
1.ออกกำลังกาย: การออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่ช่วยต่อสู้กับความเครียด แม้อาจจะดูย้อนแย้งไปบ้างตรงที่การออกกำลังกายจะทำให้ร่างกายเครียดและกล้ามเนื้อตึงตัว แต่สามารถบรรเทาความเครียดทางจิตใจได้อย่างดี คนที่ออกกำลังกายเป็นประจำจะมีความวิตกกังวลน้อยกว่าคนที่ไม่ออกกำลังกาย ทั้งยังช่วยลดคอร์ติซอล (ฮอร์โมนเครียด) ในระยะยาว ในทางตรงกันข้ามการออกกำลังกายจะปล่อยเอนดอร์ฟินทำให้อารมณ์ดีขึ้นและทำหน้าที่เป็นยาแก้ปวดตามธรรมชาติ การออกกำลังกายสม่ำเสมอจะช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนหลับ ลดความเครียด ความวิตกกังวล เสริมสร้างความมั่นใจในรูปร่าง และช่วยให้สุขภาพแข็งแรง ลองหาการออกกำลังกายที่คุณชื่นชอบ เช่น การเดิน เล่นโยคะ การเต้นรำ โดยเฉพาะการวิ่งในสวนสาธารณะ ที่สามารถบรรเทาความเครียดได้อย่างดี
2.ผ่อนคลายด้วยศาสตร์อโรม่าเธอราปี: การใช้น้ำมันหอมระเหย (Essential Oils) หรือเทียนหอมจะช่วยคลายเครียดและลดความวิตกกังวลได้เห็นผลจริง ทั้งยังมีส่วนช่วยให้หลับสบายมากขึ้น เพียงหยดเอสเซนเชี่ยลออยล์ลงในดิฟฟิวเซอร์จะเพิ่มความรู้สึกผ่อนคลาย ให้ร่างกายและจิตใจมีสมาธิ และกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง โดยเฉพาะเอสเซนเชี่ยลออยล์ออร์แกนิคของ Neal’s Yard Remedies ที่ได้จากดอกไม้และพืชพันธุ์หายากจากทั่วโลก อ่อนโยนต่อสุขภาพและปลอดภัยสำหรับทุกคนในครอบครัว รวมถึงสัตว์เลี้ยงที่คุณรัก เอสเซนเชี่ยลออยล์ได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์แล้วว่า ช่วยปรับสมดุลร่างกายและจิตใจให้สุขสงบ ผ่อนคลาย รับมือกับความเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องรับประทานยาหรือสารเคมีที่ส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว
Tips: เอสเซนเชี่ยลออยล์ ออร์แกนิค 100% ค่อนข้างหายากและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ หากคุณมีภาวะเครียดสะสมแนะนำ Lavender , Rose , Vetiver , Bergamot , Neroli , Roman Chamomile , Frankincense , Sandalwood , Ylan Ylang , Orange และ Geranium >> https://bit.ly/3cXHgfV
3.หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มคาเฟอีน: คาเฟอีนที่อยู่ในกาแฟ ชา ช็อกโกแลต น้ำอัดลม (โคล่า) รวมถึงเครื่องดื่มชูกำลังต่าง ๆ จะกระตุ้นสมองให้รู้สึกตื่นตัวและหัวใจเต้นเร็ว อีกทั้งคาเฟอีนยังทำให้รู้สึกกระวนกระวายใจหรือวิตกกังวลง่าย การดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน 100-200 มิลลิกรัมต่อวัน (ประมาณ 1-2 แก้ว) จะช่วยให้รู้สึกสดชื่น ตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า แต่หากคุณดื่มมากกว่า 300-400 มิลลิกรัมต่อวัน (ประมาณ 4-5 แก้ว) จะเพิ่มความเครียดและความวิตกกังวลมากขึ้น ขึ้นอยู่กับความไวต่อปริมาณคาเฟอีนในร่างกายของแต่ละคน
4.เขียนไดอารี่และนั่งสมาธิก่อนนอน: จำความรู้สึกของการเขียนไดอารี่ก่อนนอนได้มั้ย ในยุคโซเชี่ยล ฯ ที่เราต่างก็มีมือถือเป็นอุปกรณ์ข้างกาย ทำให้หลายคนหลงลืมความสุขของการจดบันทึกสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันลงในสมุดโน้ตน่ารัก ๆ ซึ่งการเขียนได้อารี่หรือจดบันทึกเรื่องราวที่พบเจอในชีวิต ไอเดียเด็ด หรือ To-do-list ลงในสมุดเป็นหนึ่งในวิธีรับมือกับความเครียดได้อย่างดี นักจิตวิทยายังแนะนำให้คุณเขียนสิ่งที่อยากขอบคุณและคนที่ทำให้วันนั้นพิเศษขึ้นลงในสมุดบันทึก เพื่อช่วยให้คุณโฟกัสอารมณ์ความรู้สึกเชิงบวกมากขึ้น รวมถึงการนั่งสมาธิก่อนนอนราว 10-15 นาที จะช่วยให้คุณมีสติอยู่กับปัจจุบัน คลายความวิตกกังวล เพิ่มความภูมิใจในตนเอง และลดภาวะซึมเศร้าได้ด้วย
Tips: แนะนำให้ฉีด Goodnight Pillow Mist ลงบนหมอนและที่นอน ช่วยผ่อนคลายความเครียด และช่วยให้หลับสนิทตลอดคืน ด้วยส่วนผสมของเอสเซนเชี่ยลออยล์จากลาเวนเดอร์ออร์แกนิค แหล่งเพาะปลูกเก่าแก่ที่สุดในโลกจากฝรั่งเศส ผสานพลังของ Balsam, Vetiver และ Geranium ให้กลิ่นหอมละมุนปลอบประโลมร่างกายและจิตใจให้สุขสงบและหลับสบายมากขึ้น >> https://bit.ly/3f2FQDR
5.หัวเราะบำบัด: แม้วันที่คุณรู้สึกกังวลหรือเครียดอาจเป็นเรื่องยากที่คุณจะหัวเราะ แต่ลองเปลี่ยนบรรยากาศตึงเครียดให้ผ่อนคลายด้วยการทำกิจกรรมสนุก ๆ คุยเล่นกับเพื่อน หรือดูรายการตลกที่สร้างเสียงหัวเราะ เพราะในระหว่างที่คุณหัวเราะร่างกายจะหลั่งเอนดอร์ฟิน (ฮอร์โมนคลายเครียด) ช่วยให้รู้สึกสดชื่นผ่อนคลาย จากการศึกษาผู้ป่วยมะเร็งในอเมริกาพบว่า การหัวเราะช่วยบรรเทาความเครียดและลดความฟุ้งซ่านได้ ทั้งยังช่วยคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และช่วยให้คุณเป็นคนอารมณ์ดีอยู่เสมอ
แม้เราจะหลีกเลี่ยงความเครียดในชีวิตประจำวันไม่ได้ แต่หากเราเรียนรู้ที่จะปล่อยวางความเครียดได้อย่างรวดเร็ว ด้วยวิถีธรรมชาติที่เรานำมาฝากกัน พร้อมเลือกเอสเซนเชี่ยลออยล์จากพืชออร์แกนิคล้ำค่าจากทั่วโลกของ Neal’s Yard Remedies เป็นผู้ช่วยมือหนึ่งที่จะทำให้คุณผ่อนคลายความเครียดได้อย่างปลอดภัย โดยไม่ต้องรับประทานยาคลายเครียด เพียงเท่านี้คุณก็มีสุขภาพกายและจิตใจที่แข็งแรงอยู่เสมอ